รู้หรือไม่? "รูมาตอยด์" ไม่ใช่แค่โรคข้ออักเสบ
รู้หรือไม่? "รูมาตอยด์" ไม่ใช่แค่โรคข้ออักเสบ
อาการปวดข้อบริเวณต่างๆ เช่น ปวดข้อมือ ข้อนิ้วมือ ข้อเท้า อาจไม่ใช่เป็นการปวดข้อธรรมดาอีกต่อไป แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคข้ออักเสบ หรือโรคที่เรียกว่า โรครูมาตอยด์
ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดได้ในวัยหนุ่มสาวจนถึงวัยสูงอายุ และยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ อาจถึงขั้นรุนแรงทำให้พิการได้
และสาเหตุของการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกิดจากอะไร จะมีอาการ และมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นดีกว่า
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
เป็นโรคของข้อต่อที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อหุ้มข้อ ซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อของกระดูก เมื่อข้ออักเสบเป็นเวลานานข้อจะถูกทำลาย ทำให้ข้อผิดรูปและเกิดความพิการตามมาได้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ดี ทำให้เมื่อระบบภูมิคุ้มกันเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายจะได้รับผลกระทบมาก
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จากการศึกษาพบว่าเกิดจากผลของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มากระตุ้นทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติไป โดยปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- อายุ โรครูมาตอยด์สามารถเกิดได้ทุกวัย พบได้ทั้งในวัยหนุ่มสาว และวัยสูงอายุ
- เพศ ผู้หญิงมีแนวโน้มการเป็นสูงมากกว่าผู้ชาย 3 เท่า
- พันธุกรรม หากพ่อแม่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะส่งผลให้ลูกมีความเสี่ยงเป็นโรคสูงมากกว่าคนทั่วไป
- ความอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือเป็นโรคอ้วน มีโอกาสที่จะเป็นโรครูมาตอยด์มากกว่าคนทั่วไป
- ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การได้รับสารเคมีบางอย่าง ทำให้เกิดโรครูมาตอยด์ได้ เช่น ใยหิน และซิลิกา
- การสูบบุหรี่ นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแล้ว ยังเพิ่มความรุนแรงของโรคให้ร้ายแรงกว่าเดิมได้ด้วย
อาการของโรค
โรครูมาตอยด์จะมีอาการปวดอย่างช้าๆ อาจนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน มีอาการเหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้า รวมไปถึงอาจมีน้ำหนักตัวลดลงและมีไข้อ่อนๆ อาการอื่นๆ ของโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
- มีอาการปวด บวม แดง อุ่น ข้อฝืด โดยจะเกิดขึ้นพร้อมกันในร่างกาย เช่น ข้อมือ ข้อศอก เท้า ข้อเท้า เข่า และคอ
- อาการข้อฝืดแข็ง อาจเกิดหลังจากที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว เช่น ตอนตื่นนอนในตอนเช้า หรือนั่งเป็นเวลานานๆ
- ปุ่มรูมาตอยด์ จะเป็นปุ่มเนื้อนิ่มๆ ที่มักเกิดบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ เช่น ข้อศอก ข้อนิ้วมือ กระดูกสันหลัง
การรักษา
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ยังไม่มีการรักษาที่หายขาดได้ แต่จะบรรเทาอาการให้ดีขึ้นเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติมากที่สุด ซึ่งทำได้โดย
- การใช้ยา ประกอบด้วยยารับประทานหรือยาฉีดสำหรับรักษาเฉพาะเจาะจงกับโรคเพื่อลดอาการอักเสบ และยาช่วยบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวด หรือยาสเตียรอยด์เพื่อช่วยไม่ให้ผู้ป่วยต้องปวดทรมาน
- การผ่าตัด สำหรับกรณีที่ข้อถูกทำลายมากไปแล้ว การผ่าตัดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนข้อจะช่วยให้ข้อทำงานได้ดีขึ้น ลดความเจ็บปวด
- กายภาพบำบัด รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อให้ข้อคงความยืดหยุ่น
การป้องกัน
ปัจจุบันยังไม่สามารถป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค สิ่งที่ทำได้คือ เข้ารับการวินิจฉัยทันทีเมื่อรู้สึกปวดข้อผิดปกติ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มจะมีโอกาสหยุดยั้งโรคได้ง่ายกว่าและมีโอกาสที่ข้อพิการน้อยกว่า สำหรับการดูแลของผู้ป่วย ได้แก่
- พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษาและผลข้างเคียงการใช้ยา
- ออกกำลังกายข้อเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของข้อต่อและร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก กระโดด นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ พับเพียบ เพราะเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงทำลายข้อ
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ เพื่อลดการรับน้ำหนักของเข้าเข่า และข้อเท้า
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินซี เพื่อบำรุงเนื้อเยื่อและกระดูก
- เมื่อมีอาการปวด นอกจากรับประทานยาบรรเทาปวดแล้ว อาจใช้วิธีประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 20 นาทีร่วมด้วย
Website : https://www.bpksamutprakan.com/
Facebook : https://www.facebook.com/Bangpakoksamutprakan
LINE Official Account : https://lin.ee/7EFV8ra